ทำไมต้องทำประกันสุขภาพเหมาจ่ายสำหรับเด็ก
สิ่งที่น่าห่วงสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ในวัยเด็ก คงไม่พ้นเรื่องสุขภาพ เพราะเด็กน้อยยังภูมิต้านทานน้อยมาก แตกต่างจากวัยผู้ใหญ่
โรคในเด็ก ในวัยแรกเกิด เช่น โรค RSV โรคมือ เท้า ปาก โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่
โรคเหล่านี้ ล้วนแต่ค่ารักษาแสนแพง ใครจะคิดว่าแค่โรค RSV หมดค่ารักษาเป็นแสน หากไม่ได้วางแผนประกันสุขภาพในแบบเหมาจ่าย เห็นทีแบงค์พันปลิวไปหลายใบ
แผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายจะครอบคลุมการรักษาลูกน้อยได้ในหลายหมวด ตามแผนประกันวงเงินที่คุณพ่อ คุณแม่เลือกไว้ หมดความกังวลเรื่องค่ารักษา
แผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายกับแผนประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายต่างกันยังไง
แผนประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย มันเรียกว่าแผนไม่เหมา มีข้อจำกัดตรงเกณฑ์การผ่าตัดเล็ก และผ่าตัดใหญ่ เป็นไปตามสัดส่วนของร่างกายและวงเงินที่มีกำหนด รวมไปถึงหมวดอื่นๆ ที่มีกำหนดไว้ตายตัวนั่นเอง
จุดที่สร้างความแตกต่าง คือในหมวดการรักษาจะมีเบิ้ลความคุ้มครองในเรื่องโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง โรคสมอง
และในเด็กมีความเสี่ยงเรื่องของโรคร้ายแรงด้วย การเตรียมแผนที่ดี และพร้อมไว้ เผื่อต้องใช้ ไม่ได้มีไว้เพื่ออยากใช้ การรักษามะเร็งที่ครอบคลุมการรักษาอย่างดี เราเรียกว่า Targeted Theraphy รักษาแบบมุ่งเป้า ไม่ทำลายเซลล์ดี มีผลข้างเคียงน้อยมาก หากเทียบกับการรักษาแบบเก่าที่เราคุ้นเคย
และแผนเหมาจ่ายเลือกวงเงินได้หลายแผน นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นแผน 1 ล้าน 5 ล้าน 15 ล้าน 25 ล้าน
แผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายในเด็ก เริ่มรับประกันตั้งแต่อายุเท่าไหร่
เริ่มรับตั้งแต่อายุ 15 วัน
ค่าเบี้ยประกันราคาแพงมั้ย?
ในส่วนของค่าเบี้ยประกันแผนเหมาจ่ายในเด็ก เรียกว่า Health Happy UDR ราคาคงที่
ราคาของเบี้ยไม่แพงกว่าค่ารักษา และมีการนำเงินไปลงทุนให้ เพื่อเป็นการวางแผนสุขภาพระยะยาวในแบบคงที่ หลังจากมีหักค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์แล้ว จะนำเงินไปลงทุนให้ในกองทุนของ บลจ.เอไอเอ จำกัด รวมถึงกองทุนต่างประเทศที่บริษัทคัดสรรมาให้ และมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพมาคอยดูแลบริหารตรงจุดนี้ให้นั่นเอง
แผนประกันสุขภาพเหมาจ่ายแบบเบี้ยคงที่ Health Happy UDR เหมาะกับใคร?
เหมาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนสุขภาพในแบบระยะยาวให้กับลูก เพราะด้วยเบี้ยที่คงที่ จึงกำหนดงบประมาณในการชำระได้นั่นเอง มีเงินเหลือนำไปลงทุน เบี้ยไม่ทิ้ง