จากผลการสอบถามผู้ที่ทำประกันร้อยละส่วนใหญ่ พบว่าหลายคนยังไม่เข้าใจ และหลายคนยังคงมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของประกันชีวิตนั้น บางคนก็ไม่ทราบว่าซื้อแบบไหนไป แล้วแบบที่ซื้อนั้นมีประกันสุขภาพด้วยหรือไม่ บ้างก็เข้าใจว่าประกันชีวิตกับประกันสุขภาพคือตัวเดียวกัน ส่งแล้วมีเงินคืนให้หรือไม่ ควรจะซื้อแบบไหนดี ที่มันจะใช่ มันจะเหมาะกับชีวิตของเรา
เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่สงสัยและข้องใจกันมา วันนี้จึงขออาสามาตอบให้หายสงสัยกัน
ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับแบบประกัน ก่อนซื้อประกันนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ
● สำรวจความต้องการของเราก่อนว่า ต้องการอะไร บางคนต้องการประกันชีวิตเพื่อไว้เป็นมรดกให้กับบุตร ไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับบุตร
● จากนั้นเราค่อยมาทำความรู้จักกับแบบประกันที่มีอยู่ในท้องตลาดกันว่าแบบไหนที่จะมาตอบโจทก์ชีวิตเราได้ พร้อมแล้วไปลุยต่อกับการรู้จักแบบประกันค่ะ
แบบประกันชีวิตแบบหลักนั้นมีอยู่ 5 แบบด้วยกัน
● แบบประกันตลอดชีพ เป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิตตลอดชีพ ตามชื่อแบบของมันเลย โดยที่ระยะเวลาในการส่งเบี้ยมีกำหนดไว้ โดยส่วนมากจะกำหนดไว้ที่ 20 ปี หากผู้เอาประกันภัย (คนที่ทำประกัน) เสียชีวิตลงในขณะที่กรมธรรม์ฉบับนั้นยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ ผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินตามจำนวนที่ได้ทำประกันไว้จุดเด่นของแบบนี้คือ เบี้ยคงที่ความคุ้มครองตลอดชีพ
เหมาะกับใคร: หัวหน้าครอบครัวที่ต้องการหลักประกันเพื่อการรันตีรายได้ของครอบครัวในวันที่หัวหน้าครอบครัวไม่อยู่ หรือเพื่อเป็นการส่งต่อมรดก หรือจุดประสงค์ไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับบุตรหลาน
● แบบสะสมทรัพย์ (Saving) เป็นแบบประกันที่มุ่งเน้นให้ผู้ที่ทำประกันภัยได้มีวินัยในการเก็บเงิน มีเงินคืนในระหว่างทางของการส่งขึ้นอยู่กับแบบประกันนั้นว่าจะคืนจำนวนกี่เปอร์เซนต์จากทุนประกันชีวิต แบบประกันนี้หลายๆ บริษัทได้ปิดตัวลงกันไปจนเกือบหมดแล้ว ยังคงมีเหลืออยู่บ้าง ต้องสอบถามจากตัวแทนแต่ละบริษัทว่ายังคงมีแบบนี้อยู่หรือไม่ เนื่องจากเป็นแบบประกันที่มีการคืนเงินให้ด้วยอัตราที่แน่นอน และบริษัทประกันก็ต้องนำไปลงทุนต่อในพันธบัตรระยะยาวที่ขณะนี้อัตราผลตอบแทนระยะยาวลดลง ตามหากันให้ดีค่ะ แบบประกันแบบนี้ยังคงมีอยู่จุดเด่นของแบบประกันนี้คือ มีเงินคืนให้ระหว่างทาง และยังสามารถนำเบี้ยประกันไปหักลดหย่อนภาษีได้
เหมาะกับใคร: คนที่ต้องการสร้างวินัยในการเก็บเงินระยะยาว คุณแม่ คุณพ่อที่จะเริ่มต้นการออมเงิน แบบประกันนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเริ่มต้นได้ค่ะ
● แบบชั่วระยะเวลา (Term) เรียกแบบง่าย ๆ ว่าเทอม ระยะเวลาในการส่งแบบนี้จะสั้นกว่าแบบอื่น ๆ เช่น ส่งเบี้ย 5 ปี หรือ 10 ปี เบี้ยจะราคาไม่แพงมาก เน้นความคุ้มครองชีวิตเพียงอย่างเดียว แบบประกันนี้จะไม่มีส่วนของการคืนเงินให้และไม่มีผลประโยชน์คืนให้เมื่ออยู่จนครบสัญญา หากเกิดกรณีเสียชีวิตในระหว่างสัญญาผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินตามสัญญาจุดเด่นของแบบประกันนี้คือ เบี้ยราคาไม่แพงแต่ได้ความคุ้มครองชีวิตเหมือนแบบอื่น ๆ
เหมาะกับใคร: เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตและต้องการการประหยัดงบประมาณในการส่ง
● แบบเงินได้ประจำ หรือบางบริษัทเรียกว่าแบบบำนาญ (Annuity) แบบประกันแบบนี้เน้นการออมเงินที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง คือ ต้องการใช้เงินหลังเกษียณอายุโดยที่แบบประกันนี้จะจ่ายเงินให้เป็นประจำทุกปีหลังอายุที่เกษียณ ขึ้นอยู่กับแบบที่เลือกว่าจะจ่ายให้ตอนอายุเท่าไหร่ จำนวนเท่าไหร่แต่ละแบบจะแตกต่างกัน ยกตัวอย่างของบริษัทหนึ่ง จะจ่ายให้เมื่ออายุครบ 55 ปี 60 ปี หรือ 65 ปี หรือหากมีการเสียชีวิตก่อน ก็จะมอบเงินให้กับผู้รับประโยชน์
เหมาะกับใคร: เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตและต้องการมีเงินตอนเกษียณอายุ
● แบบประกันควบการลงทุน (unit linked) เป็นแบบประกันชีวิตที่คุ้มครองชีวิตควบไปกับการลงทุน แบบประกันแบบนี้เน้นความคุ้มครองที่สูงกว่าแบบประกันชีวิตในแบบทั่วไป มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นจากการลงทุนผ่านกองทุนที่บริษัทได้คัดเลือกสรรมาอย่างดี และยังสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและระยะเวลาในการชำระเบี้ยได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของผู้ที่เอาประกันภัย จะเพิ่ม จะลดความคุ้มครอง และยังสามารถถอนเงินหรือพักการจ่ายชำระเบี้ยได้อีกด้วยจุดเด่นของแบบประกันแบบนี้คือ ให้ความคุ้มครองชีวิตที่สูงแล้วยังสามารถเพิ่มลดความคุ้มครองได้ จะถอน จะพักก็สามารถทำได้ ยืดหยุ่น
เหมาะกับใคร :เหมาะกับหัวหน้าครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องการกำหนดแผนทุนการศึกษา เพราะแบบนี้สามารถเลือกวงเงินความคุ้มครองชีวิตได้สูง ตอบโจทก์คนวางแผนพอร์ตทุนการศึกษาของบุตร
เป็นอย่างไรกับบ้างคะ กับการที่จะเริ่มต้นทำประกันเพื่อวางแผนการเงิน เพื่อวางแผนชีวิตเพื่อครอบครัว ก็สรุปกันได้ว่า ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร มีจุดประสงค์หลักแบบเฉพาะเจาะจงหรือไม่ เมื่อสำรวจเสร็จค่อยมาเลือกแบบประกันกันค่ะ ตอบโจทก์ชีวิตด้วยแบบประกันต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์เลือกให้เหมาะ เลือกให้ใช่ แล้วชีวิตครอบครัวจะมีแต่รอยยิ้ม สร้างความสุขและสงบทางใจได้อีกทางหนึ่ง